สรุปหนังสือ The diary of a CEO กับ 33 หลักคิดจากหนังสือเล่มนี้
- Veerachai Raksupakijkul
- Jan 22
- 2 min read
Updated: Feb 15

เคยสงสัยไหมว่าอะไรคือเคล็ดลับเบื้องหลังความสำเร็จของ CEO ระดับโลก? ในหนังสือ
"The Diary of a CEO" สตีเวน บาร์ตเล็ตต์ ได้รวบรวมบทเรียนและกฎทอง 33 ข้อที่เขาได้เรียนรู้จากการสร้างธุรกิจ การสัมภาษณ์บุคคลที่ประสบความสำเร็จ และประสบการณ์ชีวิตของตัวเอง "The Diary of a CEO" ไม่ใช่แค่หนังสือธุรกิจทั่วไป แต่เป็นคู่มือสู่ความสำเร็จที่ครอบคลุมทั้งเรื่องธุรกิจและชีวิต สตีเวน บาร์ตเล็ตต์ ได้แบ่งปันหลักการที่เขาใช้ในการสร้างอาณาจักรธุรกิจของตัวเอง รวมถึงเคล็ดลับในการพัฒนาตนเอง การสร้างทีม และการรับมือกับความท้าทาย ในบทสรุปนี้ เราจะเปิดเผยแก่นสำคัญของหนังสือเล่มนี้ เพื่อให้คุณได้นำไปปรับใช้และก้าวไปสู่ความสำเร็จ
เกี่ยวกับ สตีเวน บาร์ตเล็ตต์:
สตีเวน บาร์ตเล็ตต์ เป็นนักธุรกิจและผู้ประกอบการชาวอังกฤษที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย เขาเป็นที่รู้จักกันดีในฐานะผู้ร่วมก่อตั้ง Social Chain บริษัทเอเจนซีด้านโซเชียลมีเดียและการตลาดที่มีชื่อเสียง ซึ่งเขาได้ก่อตั้งขึ้นขณะที่เขายังเป็นนักศึกษาอยู่ และได้นำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เมื่ออายุเพียง 26 ปี
นอกจากความสำเร็จในด้านธุรกิจแล้ว บาร์ตเล็ตต์ยังเป็นที่รู้จักในฐานะเจ้าของพอดแคสต์ยอดนิยม "The Diary of a CEO" ซึ่งเขาได้สัมภาษณ์บุคคลที่ประสบความสำเร็จจากหลากหลายวงการ เช่น ธุรกิจ กีฬา และบันเทิง ทำให้เขาได้รับข้อมูลเชิงลึกและบทเรียนอันมีค่ามากมาย ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจสำคัญในการเขียนหนังสือเล่มนี้
ทำไมต้องอ่านบทสรุปนี้:
ด้วยกระแสความนิยมของหนังสือและเนื้อหาที่ครอบคลุมทั้งธุรกิจและชีวิต ผมจึงอยากนำหนังสือเล่มนี้มาสรุปให้ทุกคนได้อ่านกัน ในบทสรุปนี้ เราจะมาเจาะลึก 33 กฎทองที่สำคัญ เพื่อให้คุณได้นำไปประยุกต์ใช้และสร้างชีวิตที่ประสบความสำเร็จอย่างแท้จริง ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้ประกอบการ นักธุรกิจ หรือเพียงแค่มองหาแรงบันดาลใจในการพัฒนาตัวเอง บทสรุปนี้จะเปิดเผยแก่นสำคัญของหนังสือเล่มนี้ เพื่อให้คุณได้นำไปปรับใช้และก้าวไปสู่ความสำเร็จ

หมวดหมู่ 1: การสร้างและบริหารธุรกิจ
การเริ่มต้นจากปัญหา: แทนที่จะเริ่มต้นธุรกิจจากสิ่งที่คิดว่าจะขายได้หรือทำกำไรได้ง่าย ให้เริ่มต้นจากปัญหาที่แท้จริงที่ผู้คนกำลังเผชิญอยู่ การแก้ไขปัญหาให้ผู้อื่นอย่างมีประสิทธิภาพจะนำไปสู่ธุรกิจที่ยั่งยืนและประสบความสำเร็จมากกว่า ตัวอย่าง: แทนที่จะคิดแค่ว่า "อยากขายเสื้อผ้าออนไลน์" ลองมองว่า "ผู้คนหาเสื้อผ้าที่ใส่สบายและมีสไตล์ในราคาที่เข้าถึงยาก" แล้วเริ่มต้นจากปัญหานี้
ความสำคัญของการตลาด 5 วินาทีแรก: การสร้างความประทับใจแรกเป็นสิ่งสำคัญมากในการตลาด ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์ โฆษณา หรือการนำเสนอสินค้า การดึงดูดความสนใจใน 5 วินาทีแรกจะช่วยให้ผู้คนสนใจและอยากเรียนรู้เพิ่มเติม ตัวอย่าง: เว็บไซต์ที่โหลดช้า ดีไซน์ไม่น่าสนใจ หรือข้อความโฆษณาที่ไม่ดึงดูด จะทำให้ผู้คนเลื่อนผ่านไปอย่างรวดเร็ว
การใช้ Binary Questions ในการขาย: แทนที่จะบอกข้อมูลหรือข้อเท็จจริงมากมาย ลองใช้คำถามแบบสองตัวเลือกเพื่อกระตุ้นให้ลูกค้าตัดสินใจ ตัวอย่าง: แทนที่จะพูดว่า "กระเป๋าของเราทำจากหนังแท้" ลองถามว่า "คุณชอบกระเป๋าหนังสีดำหรือสีน้ำตาลมากกว่ากันครับ/คะ?"
Goldilocks Effect ในการขาย: นำเสนอสินค้าหรือบริการในราคาที่หลากหลาย (สูง กลาง ต่ำ) เพื่อให้ลูกค้าเลือกระดับที่เหมาะสมกับงบประมาณและความต้องการของตัวเอง การมีตัวเลือกจะเพิ่มโอกาสในการขาย ตัวอย่าง: ร้านกาแฟมีกาแฟราคาปกติ กาแฟพรีเมียม และกาแฟแบบพิเศษ เพื่อให้ลูกค้าเลือกได้ตามความต้องการ
การสร้างแบรนด์ระยะยาว: ให้ความสำคัญกับการสร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่งและมีคุณค่าในระยะยาว มากกว่าแค่การทำกำไรระยะสั้น การสร้างความเชื่อมั่นและความภักดีต่อแบรนด์จะนำไปสู่ความสำเร็จที่ยั่งยืน ตัวอย่าง: แบรนด์ Apple ให้ความสำคัญกับการออกแบบ คุณภาพ และประสบการณ์การใช้งาน ทำให้ลูกค้าภักดีต่อแบรนด์
การรับมือกับวิกฤต: เตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ที่ไม่คาดฝันหรือวิกฤตที่อาจเกิดขึ้น การมีแผนสำรองและการเรียนรู้จากความผิดพลาดจะช่วยให้ธุรกิจผ่านพ้นช่วงเวลาที่ยากลำบากไปได้ ตัวอย่าง: บริษัทควรมีแผนรับมือกับภัยพิบัติทางธรรมชาติ การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ หรือข่าวลือที่ไม่ดี
การตัดสินใจที่รวดเร็ว: ในโลกธุรกิจ การตัดสินใจที่รวดเร็วเป็นสิ่งสำคัญ แม้ว่าข้อมูลจะไม่สมบูรณ์แบบ การรอข้อมูลทั้งหมดอาจทำให้พลาดโอกาสสำคัญ ตัวอย่าง: การตัดสินใจลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ หรือการปรับกลยุทธ์การตลาดตามสถานการณ์
การสร้างทีมที่แข็งแกร่ง: การมีทีมที่มีความสามารถ มีเป้าหมายเดียวกัน และทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพเป็นปัจจัยสำคัญสู่ความสำเร็จของธุรกิจ ตัวอย่าง: การคัดเลือกคนที่มีทักษะที่เหมาะสม การสร้างบรรยากาศการทำงานที่ดี และการให้โอกาสในการพัฒนา

หมวดหมู่ 2: ภาวะผู้นำและการบริหารคน
การเป็นผู้นำแบบ Servant Leader: ผู้นำที่ให้ความสำคัญกับการรับใช้และสนับสนุนทีม ให้ความช่วยเหลือและให้คำแนะนำ เพื่อให้ทีมเติบโตและประสบความสำเร็จ ตัวอย่าง: ผู้นำที่พร้อมลงมือทำไปพร้อมกับทีม ให้ความช่วยเหลือเมื่อทีมต้องการ และให้เครดิตกับความสำเร็จของทีม
การสื่อสารที่ชัดเจน: การสื่อสารที่ตรงไปตรงมา โปร่งใส และเข้าใจง่าย เป็นสิ่งสำคัญในการสร้างความเข้าใจและความร่วมมือในทีม ตัวอย่าง: การอธิบายเป้าหมายและกลยุทธ์ของบริษัทอย่างชัดเจน การให้ Feedback อย่างตรงไปตรงมา และการรับฟังความคิดเห็นของทีม
การสร้างแรงบันดาลใจ: ผู้นำที่ดีต้องสามารถสร้างแรงบันดาลใจให้ทีมทำงานอย่างเต็มที่ มีความกระตือรือร้น และมุ่งมั่นสู่เป้าหมาย ตัวอย่าง: การให้วิสัยทัศน์ที่ชัดเจน การให้กำลังใจ และการให้รางวัลเมื่อทำได้ดี
การให้ Feedback อย่างสร้างสรรค์: การให้ Feedback อย่างสม่ำเสมอและสร้างสรรค์จะช่วยให้ทีมพัฒนาและปรับปรุงการทำงาน ตัวอย่าง: การให้ Feedback ที่เฉพาะเจาะจง อธิบายผลกระทบ และเสนอแนะแนวทางแก้ไข
การรับฟังความคิดเห็น: การรับฟังความคิดเห็นของทีมและให้ความสำคัญกับทุกคนจะช่วยสร้างบรรยากาศการทำงานที่ดีและส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ ตัวอย่าง: การจัดประชุมรับฟังความคิดเห็น การเปิดโอกาสให้แสดงความคิดเห็นอย่างอิสระ และการนำความคิดเห็นไปพิจารณา
การสร้างวัฒนธรรมองค์กร: วัฒนธรรมองค์กรที่แข็งแกร่งและเป็นเอกลักษณ์จะช่วยดึงดูดและรักษาคนเก่งไว้กับองค์กร ตัวอย่าง: วัฒนธรรมที่ให้ความสำคัญกับการทำงานเป็นทีม การเรียนรู้ และการเติบโต

หมวดหมู่ 3: การพัฒนาตนเอง
การตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน: การตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน วัดผลได้ และมีกรอบเวลา จะช่วยให้คุณมีทิศทางและมุ่งมั่นในการพัฒนาตนเอง ตัวอย่าง: แทนที่จะตั้งเป้าหมายว่า "อยากเก่งภาษาอังกฤษ" ให้ตั้งเป้าหมายว่า "ต้องการสอบ TOEIC ให้ได้ 700 คะแนน ภายใน 6 เดือน"
การมีวินัยในตนเอง: การมีวินัยในการทำตามแผนและเป้าหมายที่ตั้งไว้ เป็นสิ่งสำคัญในการพัฒนาตนเอง ตัวอย่าง: การตื่นเช้ามาออกกำลังกายทุกวัน การอ่านหนังสือวันละ 1 ชั่วโมง หรือการทำงานตามกำหนดเวลา
การเรียนรู้ตลอดชีวิต: โลกเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา การเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอจะช่วยให้คุณก้าวทันโลกและพัฒนาตัวเอง ตัวอย่าง: การอ่านหนังสือ การเข้าอบรม การเรียนออนไลน์ หรือการพูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญ
การออกจาก Comfort Zone: การกล้าที่จะออกจากพื้นที่ปลอดภัยและเผชิญกับความท้าทายใหม่ๆ จะช่วยให้คุณเติบโตและพัฒนาตัวเอง ตัวอย่าง: การลองทำสิ่งที่ไม่เคยทำ การพูดในที่สาธารณะ หรือการเดินทางไปในที่ใหม่ๆ
การดูแลสุขภาพกายและใจ: สุขภาพกายและใจที่ดีเป็นพื้นฐานสำคัญของการพัฒนาตนเอง ตัวอย่าง: การออกกำลังกาย การพักผ่อนให้เพียงพอ การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และการทำกิจกรรมที่ผ่อนคลาย
การจัดการเวลา: การบริหารเวลาอย่างมีประสิทธิภาพจะช่วยให้คุณทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีเวลาสำหรับกิจกรรมอื่นๆ ตัวอย่าง: การจัดลำดับความสำคัญของงาน การใช้ปฏิทิน หรือการหลีกเลี่ยงสิ่งรบกวน
การมีสติ: การมีสติในการใช้ชีวิตและทำงาน จะช่วยให้คุณจดจ่ออยู่กับปัจจุบันและตัดสินใจได้อย่างมีเหตุผล ตัวอย่าง: การทำสมาธิ การฝึกหายใจ หรือการทำกิจกรรมที่ต้องใช้สมาธิ
การยอมรับความผิดพลาด: การยอมรับความผิดพลาดและเรียนรู้จากมันเป็นส่วนสำคัญของการพัฒนาตนเอง ตัวอย่าง: การวิเคราะห์สาเหตุของความผิดพลาด การหาแนวทางแก้ไข และการป้องกันไม่ให้เกิดซ้ำ
การพัฒนา Mindset: การพัฒนากรอบความคิดให้เติบโต (Growth Mindset) เชื่อว่าความสามารถพัฒนาได้ด้วยความพยายามและการเรียนรู้ จะช่วยให้คุณเอาชนะอุปสรรคและประสบความสำเร็จ ตัวอย่าง: การมองความท้าทายเป็นโอกาสในการเรียนรู้ การไม่ยอมแพ้ต่อความล้มเหลว และการเชื่อมั่นในศักยภาพของตัวเอง
การรับมือกับความกลัว: การเผชิญหน้ากับความกลัวและเอาชนะมันจะช่วยให้คุณเติบโตและพัฒนาตัวเอง ตัวอย่าง: การตั้งเป้าหมายเล็กๆ เพื่อเอาชนะความกลัว การขอความช่วยเหลือจากผู้อื่น และการให้กำลังใจตัวเอง

หมวดหมู่ 4: ชีวิตและความสัมพันธ์
ความสำคัญของความสัมพันธ์: การมีและรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับคนรอบข้าง ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว เพื่อน หรือคนรัก เป็นสิ่งสำคัญต่อความสุขและความสำเร็จในชีวิต การลงทุนในความสัมพันธ์ที่ดีจะนำมาซึ่งการสนับสนุน กำลังใจ และความสุข ตัวอย่าง: การใช้เวลากับครอบครัว การพูดคุยกับเพื่อน การแสดงความรักและความห่วงใย
การสร้างสมดุลชีวิต: การรักษาสมดุลระหว่างชีวิตการทำงานและชีวิตส่วนตัวเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อป้องกันความเครียดและ Burnout การมีเวลาพักผ่อน ทำกิจกรรมที่ชอบ และใช้เวลากับคนที่รัก จะช่วยให้คุณมีความสุขและมีประสิทธิภาพในการทำงานมากขึ้น ตัวอย่าง: การกำหนดเวลาทำงานที่ชัดเจน การพักผ่อนในช่วงวันหยุด การทำกิจกรรมอดิเรก และการใช้เวลากับครอบครัว
การใช้ชีวิตอย่างมีความสุข: การหาความสุขในสิ่งที่คุณทำและในชีวิตประจำวันเป็นสิ่งสำคัญ การมองโลกในแง่ดี การขอบคุณสิ่งดีๆ และการทำกิจกรรมที่ทำให้มีความสุข จะช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิต ตัวอย่าง: การทำกิจกรรมที่ชอบ การใช้เวลากับธรรมชาติ การช่วยเหลือผู้อื่น และการฝึกสติ
การให้: การให้ผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็นการให้ความช่วยเหลือ การให้กำลังใจ หรือการให้สิ่งของ จะนำมาซึ่งความสุขและความรู้สึกดีๆ ให้กับทั้งผู้ให้และผู้รับ ตัวอย่าง: การบริจาคเงิน การช่วยเหลือเพื่อนร่วมงาน การเป็นอาสาสมัคร
การอยู่กับปัจจุบัน: การจดจ่ออยู่กับปัจจุบันขณะ ไม่คิดถึงอดีตที่แก้ไขไม่ได้ หรือกังวลกับอนาคตที่ยังมาไม่ถึง จะช่วยลดความเครียดและความกังวล และทำให้คุณมีความสุขกับปัจจุบันมากขึ้น ตัวอย่าง: การฝึกสติ การทำสมาธิ การทำกิจกรรมที่ต้องใช้สมาธิ

หมวดหมู่ 5: อื่นๆ
การใช้ประโยชน์จากพอดแคสต์: บาร์ตเล็ตต์เน้นย้ำถึงพลังของการเรียนรู้จากพอดแคสต์และสื่ออื่นๆ ที่ให้ความรู้และแรงบันดาลใจ การฟังพอดแคสต์จะช่วยเปิดโลกทัศน์และเรียนรู้จากประสบการณ์ของผู้อื่น ตัวอย่าง: การฟังพอดแคสต์ "The Diary of a CEO" หรือพอดแคสต์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ การพัฒนาตนเอง หรือความสนใจของคุณ
การสร้าง Storytelling: การเล่าเรื่องราวที่น่าสนใจและสร้างแรงบันดาลใจเป็นเครื่องมือสำคัญในการสื่อสารและการตลาด การเล่าเรื่องราวจะช่วยดึงดูดความสนใจ สร้างความผูกพัน และสร้างความเข้าใจ ตัวอย่าง: การเล่าเรื่องราวเบื้องหลังการก่อตั้งบริษัท การเล่าเรื่องราวความสำเร็จของลูกค้า หรือการเล่าเรื่องราวประสบการณ์ส่วนตัว
การใช้ประโยชน์จาก Social Media: การใช้ Social Media อย่างมีประสิทธิภาพเป็นสิ่งสำคัญในยุคปัจจุบัน การสร้างตัวตนบนโลกออนไลน์ การสร้างคอนเทนต์ที่มีคุณภาพ และการสร้างปฏิสัมพันธ์กับผู้คน จะช่วยสร้างโอกาสทางธุรกิจและการพัฒนาตนเอง ตัวอย่าง: การสร้างคอนเทนต์ที่น่าสนใจ การใช้ Social Media ในการตลาด การสร้างเครือข่ายออนไลน์
การไม่ประมาท: การระมัดระวังและไม่ประมาทในการใช้ชีวิตและธุรกิจเป็นสิ่งสำคัญ การวางแผน การประเมินความเสี่ยง และการเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ จะช่วยลดความเสี่ยงและความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น ตัวอย่าง: การวางแผนธุรกิจอย่างรอบคอบ การประเมินความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน การมีแผนสำรองในกรณีฉุกเฉิน

และนี่คือทั้งหมดของ 33 หลักคิดสำคัญจากหนังสือ "The Diary of a CEO" ที่ผมได้สรุปและขยายความเพื่อให้ทุกคนเข้าใจได้ง่ายขึ้น หวังว่าบทสรุปนี้จะเป็นประโยชน์และเป็นแรงบันดาลใจให้คุณได้นำหลักคิดเหล่านี้ไปปรับใช้ในชีวิตและธุรกิจของตัวเอง ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้ประกอบการที่กำลังเริ่มต้นธุรกิจ นักธุรกิจที่ต้องการพัฒนาองค์กร หรือเพียงแค่มองหาแนวทางในการพัฒนาตนเองในด้านต่างๆ ผมเชื่อว่าหลักคิดเหล่านี้ ซึ่งกลั่นกรองจากประสบการณ์จริงของสตีเวน บาร์ตเล็ตต์ และแขกรับเชิญมากมายในพอดแคสต์ของเขา จะช่วยให้คุณก้าวไปสู่ความสำเร็จได้
สิ่งสำคัญคือการนำไปปฏิบัติ ไม่ใช่แค่การอ่านหรือรับรู้ ลองเลือกหลักคิดที่โดนใจคุณที่สุดสัก 2-3 ข้อ แล้วเริ่มนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันของคุณ อาจจะเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เช่น การตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน การให้ความสำคัญกับการสื่อสาร หรือการดูแลสุขภาพกายและใจ การเริ่มต้นทีละเล็กทีละน้อยจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ได้ในที่สุด
นอกจากนี้ ผมขอแนะนำให้ลองพิจารณาหลักคิดในแต่ละหมวดหมู่ เพื่อให้เห็นภาพรวมและเชื่อมโยงหลักคิดต่างๆ เข้าด้วยกัน เช่น หากคุณต้องการพัฒนาธุรกิจ ลองพิจารณาหลักคิดในหมวดหมู่ "การสร้างและบริหารธุรกิจ" ร่วมกับหมวดหมู่ "ภาวะผู้นำและการบริหารคน" เพื่อให้ได้มุมมองที่ครอบคลุมและนำไปปรับใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
หากคุณสนใจที่จะศึกษาเพิ่มเติมอย่างละเอียดและเจาะลึกในแต่ละหลักคิด ผมขอแนะนำอย่างยิ่งให้อ่านหนังสือฉบับเต็ม "The Diary of a CEO" ซึ่งจะให้รายละเอียด ตัวอย่าง และเรื่องราวที่สร้างแรงบันดาลใจอีกมากมาย ที่จะช่วยให้คุณเข้าใจและนำหลักคิดเหล่านี้ไปปรับใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
สุดท้ายนี้ ผมหวังว่าบทสรุปนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการเดินทางสู่ความสำเร็จของคุณ อย่าลืมว่าความสำเร็จไม่ได้มาจากการอ่านเพียงอย่างเดียว แต่มาจากการลงมือทำและการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง
หากคุณมีคำถามหรือต้องการแบ่งปันประสบการณ์ในการนำหลักคิดเหล่านี้ไปใช้ สามารถคอมเมนต์ไว้ด้านล่างได้เลยนะครับ ผมและผู้อ่านท่านอื่นๆ ยินดีที่จะร่วมพูดคุยและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับคุณ
Comments