top of page

ปลดล็อกพลัง AI ด้วยเทคนิคเขียน Prompt ที่คุณก็ทำได้

  • Writer: Veerachai Raksupakijkul
    Veerachai Raksupakijkul
  • Aug 4
  • 2 min read

เริ่มต้นที่พื้นฐาน: Prompt คืออะไร และทำไมถึงสำคัญ?

พูดง่ายๆ Prompt คือ ‘คำสั่ง’ หรือ ‘คำถาม’ ที่คุณพิมพ์เข้าไปใน ChatGPT นั่นเองครับ

หลักการพื้นฐานที่สุดคือ "ยิ่งเราให้ข้อมูลที่ชัดเจนและเฉพาะเจาะจงมากเท่าไหร่ คำตอบที่ได้ก็จะยิ่งดีและตรงประเด็นมากขึ้นเท่านั้น"


ลองนึกภาพตามนะครับ ChatGPT เป็นเหมือนผู้ช่วยที่เก่งมาก แต่ไม่สามารถอ่านใจเราได้ ถ้าเราให้คำสั่งแบบกว้างๆ มันก็จะเดาใจเราไม่ออก และให้คำตอบแบบกว้างๆ กลับมาเหมือนกัน


ตัวอย่างง่ายๆ:

Prompt ทั่วไป: “ช่วยแนะนำหนังหน่อย”

สิ่งที่คุณจะได้กลับมาก็คือรายชื่อหนังยอดนิยมทั่วไป ที่คุณอาจจะเคยดูแล้วหรืออาจจะไม่ชอบก็ได้


Prompt ที่ดีกว่า: “ช่วยแนะนำหนังแนวแอ็กชัน-ไซไฟที่เนื้อเรื่องซับซ้อน น่าติดตาม สำหรับคนชอบเรื่องอย่าง Inception หรือ The Dark Knight”


เห็นความแตกต่างไหมครับ? คราวนี้ ChatGPT จะรู้ทันทีว่าคุณชอบหนังแนวไหน และจะคัดเลือกเรื่องที่ตรงกับรสนิยมของคุณมาให้โดยเฉพาะเลย


หัวใจของ Prompt ที่ดี: โครงสร้าง 3 ส่วนที่ต้องรู้ (บริบท-คำสั่ง-เงื่อนไข)

แล้ว Prompt ที่ดีมันต้องมีหน้าตาเป็นยังไง? เรามีโครงสร้างพื้นฐาน 3 ส่วนมาแนะนำให้ลองนำไปใช้กันครับ จำง่ายๆ เลยคือ บริบท, คำสั่ง, และเงื่อนไข

  1. บริบท (Context): บอก AI ว่าเราเป็นใคร กำลังทำอะไร หรืออยากให้มันสวมบทบาทเป็นใคร เพื่อให้ AI เข้าใจภาพรวมทั้งหมด

  2. คำสั่ง (Instruction): บอกให้ชัดเจนว่าอยากให้ AI ‘ทำอะไร’ เช่น เขียน, สรุป, แปล, วิเคราะห์, หรือคิดไอเดีย

  3. เงื่อนไข (Constraint): กำหนดกรอบให้คำตอบ เช่น ความยาว, รูปแบบการตอบ, สไตล์ หรือโทนภาษาที่ต้องการ


มาดูตัวอย่างการนำไปใช้งานจริงในออฟฟิศกันครับ:


ตัวอย่าง Prompt ที่มีครบ 3 ส่วน:


[บริบท] สมมติว่าคุณเป็นผู้จัดการฝ่ายบุคคล (HR Manager)

[คำสั่ง] ช่วยร่างอีเมลเพื่อแจ้งข่าวดีให้พนักงานทั้งบริษัททราบ เกี่ยวกับวันหยุดพิเศษที่บริษัทจะเพิ่มให้ในเดือนหน้า

[เงื่อนไข] โดยใช้โทนที่เป็นกันเองแต่อ่านแล้วยังดูเป็นทางการ ความยาวไม่เกิน 2 ย่อหน้า


เมื่อเราป้อน Prompt ที่มีองค์ประกอบครบถ้วนแบบนี้ ChatGPT จะสร้างอีเมลที่ตรงตามเป้าหมายทั้งในแง่ของเนื้อหา ผู้รับ และรูปแบบที่เราต้องการได้อย่างสมบูรณ์แบบ


อัปเกรด Prompt ของคุณ: 4 เทคนิคเสริมพลังให้ ChatGPT ฉลาดขึ้นอีกระดับ

พอเราเข้าใจโครงสร้างแล้ว มาดู 4 เทคนิคง่ายๆ ที่จะทำให้ Prompt ของเราทรงพลังและได้ผลลัพธ์ที่ฉลาดขึ้นไปอีกระดับกันครับ


🧠 1. สวมบทบาท (Role-based Prompting)

เทคนิคนี้คือการสั่งให้ ChatGPT สวมบทบาทเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านต่างๆ เพื่อให้คำตอบที่ได้มีมุมมองและความลึกที่เฉพาะทางมากขึ้น


ตัวอย่าง: “สมมติว่าคุณเป็นเชฟอาหารไทย ช่วยแนะนำเมนูอาหารเย็นที่ทำง่ายๆ สำหรับคนเพิ่งหัดทำอาหาร พร้อมบอกวัตถุดิบและวิธีทำแบบสั้นๆ”

ผลลัพธ์: คุณจะได้เมนูและวิธีทำที่เหมาะกับมือใหม่จริงๆ แทนที่จะได้สูตรอาหารที่ซับซ้อนเกินไป เพราะ AI จะตอบในมุมมองของ "เชฟ" ที่เข้าใจว่า "คนหัดทำอาหาร" ต้องการอะไร

🧠 2. ขอหลายตัวเลือก (Multi-option)

เวลาต้องการไอเดียใหม่ๆ อย่าขอแค่ไอเดียเดียว ให้มันช่วยคิดมาหลายๆ แบบ เพื่อให้เรามีตัวเลือกไปต่อยอดได้มากขึ้น


ตัวอย่าง: “ช่วยคิดชื่อ Podcast เกี่ยวกับการพัฒนาตัวเองสำหรับคนวัยทำงานมา 10 ชื่อ โดยแต่ละชื่อขอคอนเซปต์สั้นๆ ประกอบด้วยว่าสื่อถึงอะไร”

ผลลัพธ์: ทำให้เรามีวัตถุดิบทางความคิดที่หลากหลายสำหรับตั้งชื่อช่อง หรือนำแนวคิดไปพัฒนาต่อยอดได้ง่ายขึ้นมาก


🧠 3. ขอให้คิดก่อนตอบ (Step-by-step Reasoning)

เทคนิคนี้ทรงพลังมาก หรือที่เรียกว่า ‘Chain-of-Thought’ คือการสั่งให้มันอธิบายกระบวนการคิดหรือวิเคราะห์ข้อมูลออกมาก่อน แล้วค่อยให้คำตอบสุดท้าย เหมาะอย่างยิ่งกับการตัดสินใจเรื่องที่ซับซ้อน


ตัวอย่าง: “ผมกำลังตัดสินใจซื้อมือถือใหม่ระหว่าง iPhone (รุ่นล่าสุด) กับ Samsung Galaxy (รุ่นล่าสุด)

ก่อนที่คุณจะแนะนำว่าผมควรซื้อรุ่นไหน ช่วยวิเคราะห์เปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสียของทั้งสองรุ่นในประเด็นต่อไปนี้ก่อน:

  • คุณภาพของกล้องถ่ายรูปและวิดีโอ

  • ประสิทธิภาพแบตเตอรี่

  • ความง่ายในการใช้งานของระบบปฏิบัติการ

  • ราคาขายต่อในอีก 2 ปีข้างหน้า

จากนั้นค่อยสรุปฟันธงว่า รุ่นไหนน่าจะเหมาะกับคนที่เน้นการถ่ายวิดีโอลงโซเชียลมีเดีย และใช้งานทั่วไปในชีวิตประจำวันมากที่สุด”


ผลลัพธ์: AI จะไม่ตอบทันทีว่าควรซื้ออะไร แต่จะแสดงบทวิเคราะห์หรือตารางเปรียบเทียบตาม 4 ข้อที่เราสั่งก่อน แล้วจึงค่อยสรุป ทำให้เราได้ข้อมูลประกอบการตัดสินใจที่มีคุณภาพและโปร่งใสมากขึ้น


🧠 4. ปรับแก้และต่อยอด (Refine & Iterate)

จำไว้เสมอว่า Prompt ไม่จำเป็นต้องสมบูรณ์แบบในครั้งแรก มันคือการ ‘สนทนา’ หากคำตอบแรกยังไม่ถูกใจ คุณสามารถสั่งแก้ไขในหน้าต่างแชตเดิมได้เลย

ตัวอย่าง: หลังจากได้คำตอบแรกแล้ว พิมพ์ต่อไปเลยว่า...


  • “ช่วยเขียนให้น่าสนใจขึ้นอีกหน่อย”

  • “เปลี่ยนเป็นภาษาพูดที่ดูเป็นกันเองมากขึ้น”

  • “ขอยาวกว่านี้อีก 1 ย่อหน้า โดยเน้นเรื่องประโยชน์ของสินค้า”


เคล็ดลับสำคัญ: ควรปรับแก้และถามต่อในหน้าต่างแชตเดิมเสมอ อย่าเริ่มแชตใหม่ เพราะ AI จะใช้ข้อมูลที่เราคุยกันก่อนหน้ามาปรับปรุงคำตอบให้ดีและตรงใจเราขึ้นเรื่อยๆ


เห็นภาพชัดๆ: เปรียบเทียบผลลัพธ์ ก่อน-หลัง ใช้เทคนิค Prompt

เพื่อให้เห็นภาพชัดที่สุด เรามาดูตัวอย่างเปรียบเทียบกันครับว่า Prompt ทั่วไปกับ Prompt ที่ดีขึ้น ให้ผลลัพธ์ต่างกันขนาดไหน


ตัวอย่างที่ 1: การเขียนข้อความขายของ

❌ Before: “ช่วยเขียนข้อความขายสบู่”

✅ After: “ในฐานะนักการตลาด ช่วยเขียนโพสต์ขายสินค้า ‘สบู่สมุนไพร’ สำหรับกลุ่มคนทำงานอายุ 30+ ที่มีปัญหาผิวแพ้ง่าย เน้นใช้คำที่น่าเชื่อถือ ไม่ดูขายของจ๋าเกินไป ความยาว 3-4 บรรทัด”


ตัวอย่างที่ 2: การสรุปข้อมูล

❌ Before: “ช่วยสรุปบทความนี้หน่อย”

✅ After: “ช่วยสรุปประเด็นสำคัญจากบทความนี้ให้เหลือ 5 ข้อ โดยทำเป็นรูปแบบ Bullet Point เพื่อให้สามารถนำไปใช้ในสไลด์ PowerPoint ได้ทันที”


ตัวอย่างที่ 3: การวางแผน

❌ Before: “ช่วยวางแผนเที่ยวญี่ปุ่นหน่อย”

✅ After: “ช่วยวางแผนเที่ยวญี่ปุ่น 7 วัน สำหรับ 2 คน ช่วงเดือนเมษายน เน้นเที่ยวโตเกียวกับเกียวโต เป็นสายกิน ชอบดูวัฒนธรรม แต่มีงบปานกลาง ช่วยจัดเป็นตารางรายวัน พร้อมแนะนำร้านอาหารและวิธีเดินทางระหว่างเมืองให้ด้วย”


บทสรุป

เห็นไหมครับว่า การตั้งคำถาม หรือการเขียน Prompt ให้ดี ไม่ใช่เรื่องซับซ้อนอะไรเลย แต่มันสามารถเปลี่ยนประสบการณ์การใช้ ChatGPT ของคุณแบบหน้ามือเป็นหลังมือได้


ลองนำเทคนิคในบทความนี้ ทั้งโครงสร้าง 3 ส่วน (บริบท-คำสั่ง-เงื่อนไข) และเทคนิคเสริมอีก 4 ข้อ (สวมบทบาท, ขอหลายตัวเลือก, คิดก่อนตอบ, ปรับแก้ต่อยอด) ไปปรับใช้ดูนะครับ แล้วคุณจะค้นพบว่า จริงๆ แล้ว ChatGPT ของคุณไม่ได้ฉลาดน้อยกว่าของคนอื่น...


แต่คุณแค่ถามมัน ‘ฉลาดกว่าคนอื่น’ เท่านั้นเองครับ!


ลองนำเทคนิคเหล่านี้ไปใช้ แล้วกลับมาเล่าผลลัพธ์ในคอมเมนต์ให้ฟังบ้างนะครับ!

Comments


  • Facebook
  • Youtube
  • Instagram
  • Spotify

© 2025 
Powered by NewVeerachai

กรอกอีเมล์เพื่อรับข่าวสารจากเรา

bottom of page