top of page

รีวิวหนังสือ "ความลับของคนธรรมดา ที่ทำอะไรก็สำเร็จในทุกวัน"

  • Writer: Veerachai Raksupakijkul
    Veerachai Raksupakijkul
  • Jan 12
  • 2 min read

Updated: Jan 16


ความลับของคนธรรมดาที่ทำอะไรก็สำเร็จในทุกวัน โดยคุณเปา iHAVECPU
ความลับของคนธรรมดาที่ทำอะไรก็สำเร็จในทุกวัน โดยคุณเปา iHAVECPU

สวัสดีครับและขอต้อนรับทุกคนที่แวะเข้ามาที่ Blog : NewVeerachai นะครับ 

สำหรับ Blog แรกในวันนี้ผมจะขอหยิบเอาหนังสือเล่มนึงที่หลายคนที่ชื่นชอบการเล่นเกม การประกอบคอมพิวเตอร์น่าจะรู้จักกันดีครับ คือ หนังสือที่ชื่อว่า “ความลับของคนธรรมดา ที่ทำอะไรก็สำเร็จในทุกวัน” ซึ่งชื่อหนังสือเล่มนี้ค่อนข้างตรงกับความตั้งใจที่ผมทำ Blog : NewVeerachai ขึ้นมาเหมือนกันครับ ที่อยากให้คนธรรมดาทุกคนรวมถึงตัวผมเองด้วย ที่เป็นคนธรรมดาที่ไม่ได้มีต้นทุนอะไรในชีวิตที่เป็นพิเศษหรือเลิศเลอเกินกว่าใคร ได้สำเร็จไปด้วยกัน สำเร็จไปในสิ่งที่ทุกคนหวังและตั้งใจเอาไว้


กลับมาที่หนังสือเล่มนี้กันต่อครับ แนวคิดหลักหรือแนวคิดสำคัญของหนังสือเล่มนี้คือเรื่องของคำว่า “เวลา” เพราะเวลาเป็นทรัพยากรที่ไม่สามารถเก็บสำรองไว้ได้เหมือนทรัพยากรแบบอื่น ๆ เช่น น้ำเราก็สามารถตักใส่ภาชนะอะไรซักอย่างไว้ หรือไฟฟ้าเราก็อาจจะเก็บสำรองในรูปแบบของ PowerBank หรือแบตเตอรี่ก็ได้ แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ทำได้กับเวลาเลยครับ 


จากเหตุผลข้างต้น หนังสือเล่มนี้ที่เขียนโดยคุณเปา iHAVECPU ได้ชักชวนให้เรามองเห็นความสำคัญของแต่ละชั่วโมง แต่ละนาทีในแต่ละวัน โดยคุณเปาได้แสดงให้เห็นว่าในแต่ละช่วงเวลาของแต่ละวันนั้น เราควรทำอะไร หรือใช้เวลาเหล่านั้นไปกับเรื่องอะไร ที่จะช่วยให้เราสามารถก้าวสู่ความสำเร็จที่หวังหรือตั้งใจไว้ได้อย่างมั่นคง


ช่วงเวลาแห่งการเริ่มต้นและการกำหนดเส้นทางให้วันนี้มีความหมาย
ช่วงเวลาแห่งการเริ่มต้นและการกำหนดเส้นทางให้วันนี้มีความหมาย

มาเริ่มที่ช่วงเช้าของวัน

“ช่วงเวลาแห่งการเริ่มต้นและการกำหนดเส้นทางให้วันนี้มีความหมาย”


โดยคุณเปามองว่าช่วงเช้านี้เป็นช่วงเวลาของการกำหนดเรื่องราวต่าง ๆ ของวันนั้น ๆ และการวางแผนรวมถึงตัดสินใจว่า วันนี้ทั้งวันเราจะมีทิศทางไปทางไหน


โดยใน Part นี้ ผมขอหยิบบทที่ผมอ่านแล้วชอบมาก ๆ มาเล่าให้เพื่อน ๆ ฟัง 

โดยหัวข้อนี้มีชื่อว่า “ตอบให้ได้ เกิดมาเพื่ออะไร”


หลาย ๆ คนมักจะคิดว่าคนเรามีวันสำคัญในชีวิตที่สำคัญอยู่ 2 วัน คือ วันที่เราเกิด และวันที่เราจากโลกนี้ไป แต่ในความเป็นจริงแล้ว เรายังมีอีกวันที่สำคัญมาก ๆ คือ วันที่เรารู้ว่าเราเกิดมาเพื่ออะไร 

เพราะตั้งแต่วันที่เราค้นพบจุดประสงค์ของการมีชีวิตแล้ว ชีวิตที่เหลือต่อจากนี้จะถูกขับเคลื่อนไปด้วยเป้าหมายที่ชัดเจนยิ่งขึ้น เราจะรู้ว่าแต่ละวันเราควรใช้เวลายังไง ใช้เวลาไปกับอะไร และจะพาตัวเองก้าวไปในเส้นทางแบบไหนเพื่อให้เราเข้าใกล้เป้าหมายเหล่านั้น


และที่สำคัญคือ เป้าหมายหรือ “เหตุผลที่เราเกิดมา” ของแต่ละย่อมแตกต่างและไม่เหมือนกัน ซึ่งมันไม่มีถูกหรือผิด มันขึ้นอยู่กับความต้องการหรือวิถีชีวิตส่วนบุคคล 


เรามาลองดูตัวอย่างกัน เช่น บางคนอาจจะฝันถึงชีวิตที่มีเวลาให้กับครอบครัว มีวันหยุดพักผ่อนสบาย ๆ เพื่อไปเที่ยวได้อย่างเต็มที่ ซึ่งนั่นก็เป็นอีกเส้นทางหนึ่ง ในขณะที่บางคนอาจจะอยากประสบความสำเร็จในธุรกิจที่ตั้งใจไว้ จนต้องทุ่มเทและขับเคี่ยวกับตัวเองในอีกเส้นทางที่ต่างออกไป


และแน่นอนว่าไม่ว่าจะเลือกเดินเส้นทางไหน หากตัวเรารู้แน่ชัดแล้วว่าเราเกิดว่าเพื่ออะไร ชีวิตที่เหลือจะไม่ล่องลอยไปเปล่า ๆ แต่จะเป็นการก้าวเดินที่เปี่ยมไปด้วยความหมายในทุก ๆ วันของชีวิตครับ



วางแผนลุยเต็มที่ เริ่มต้นดีก็ไปได้ไกล
วางแผนลุยเต็มที่ เริ่มต้นดีก็ไปได้ไกล

[รูปช่วงเวลาสาย ๆ ของวัน]

มาต่อกันที่ช่วงสาย : ช่วงเวลาลุย

“วางแผนลุยเต็มที่ เริ่มต้นดีก็ไปได้ไกล”


จากนิยามสั้น ๆ ที่คุณเปาบอกไว้ จะหมายความว่าหากเราเตรียมตัว และเริ่มต้นได้อย่างถูกต้องในช่วงเวลานี้ ย่อมจะช่วยให้เราก้าวหน้าไปสู่เป้าหมายได้ไกลขึ้น


และในส่วนนี้ผมอยากหยิบบทหนึ่งที่ผมชอบมาเล่าให้ฟังนะครับ บทนั่นมีชื่อว่า

“เริ่มต้นก้าวแรกให้ถูกที่”


ผมอยากให้เพื่อน ๆ ลองคิดว่า เพื่อน ๆ กำลังต้องการเปลี่ยนแปลงตัวเองในบางเรื่อง เช่น อยากออกกำลังกายเพื่อให้มีสุขภาพที่แข็งแรงมากขึ้น หรือเพื่อลดน้ำหนักให้อยู่ในจุดที่เหมาะสม จากเป้าหมายนี้สิ่งแรกที่เราควรทำในก้าวแรก คือ การพาตัวเองไปอยู่ในที่ที่เหมาะสมก่อน เช่น ฟิตเนส สวนสาธารณะ หรือสวนส่วนกลางของหมู่บ้าน 

โดยอาจจะเริ่มจากการจัดตารางชีวิตให้เอื้อต่อเป้าหมายที่เราตั้งไว้ เช่น ตื่นเช้าให้เร็วขึ้น 30 นาที หรือวางชุดออกกำลังกายไว้ข้างที่นอนตั้งแต่ก่อนเข้านอน เพื่อที่เมื่อตื่นมาตอนเช้าจะได้เปลี่ยนชุดแล้วออกไปลุยได้ทันที การที่เราพาตัวเองไปอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการลงมือทำ คือ การสำเร็จไปแล้วครึ่งหนึ่ง ส่วนอีกครึ่งที่เหลืออยู่ที่แรงใจและความมุ่งมั่นของตัวเราเองแล้ว ว่าจะทำกิจกรรมนั้นได้ต่อเนื่องแค่ไหน


พยายายมอย่ามัวแต่รอครับ อย่ารอให้ทุกอย่างพร้อมสมบูรณ์แบบ เพราะวันนั้นอาจจะไม่มาถึงจริง ๆ สิ่งที่เราทำได้ในตอนนี้ คือ เริ่มต้นก้าวแรกให้ถูกที่ แล้วลงมือทำไปได้เลย ความสำเร็จที่ตั้งใจไว้จะค่อย ๆ เข้ามาใกล้ขึ้นอย่างแน่นอนครับ



ใช้เวลาพักให้ยอดเยี่ยม เพื่อเติมหลังให้เต็มเปี่ยมก่อนลุยต่อ
ใช้เวลาพักให้ยอดเยี่ยม เพื่อเติมหลังให้เต็มเปี่ยมก่อนลุยต่อ

ในช่วงเที่ยงนี้ “คุณเปา” นิยามสั้น ๆ ไว้ว่า

“ใช้เวลาพักให้ยอดเยี่ยม เพื่อเติมหลังให้เต็มเปี่ยมก่อนลุยต่อ ”


และจากส่วนนี้ของช่วงเวลาเที่ยง บทที่ผมชอบมากชื่อว่า “รักตัวเองด้วยการพักให้เป็น”


การพักผ่อนจริง ๆ แล้วถือเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ๆ ที่เราทุกคนควรใส่มันลงไปในตารางประจำวันของชีวิตครับ โดยเฉพาะคนที่ทำงานหนักมาก ๆ เพื่อเป้าหมายใหญ่ ๆ เราควรจะเรียนรู้คำว่า “พักก่อน” หรือ “รอก่อน” ให้ถูกจังหวะ เช่น ในช่วงพักเที่ยงของวัน เราก็ควรจะได้ผ่อนคลาย กินมื้อเที่ยงให้สบายใจ เพื่อสร้างความพร้อมให้กับตัวเองให้สามารถกลับมาลุยงานอีกครั้งในช่วงบ่ายได้อย่างเต็มที่


แต่อย่ามักง่ายเอาคำว่า “พักก่อน” หรือ “รอก่อน” มาเป็นข้ออ้างในการเลี่ยงงานที่ไม่อยากทำ เพราะนั่นจะยิ่งทำให้เราห่างไกลจากความสำเร็จที่ต้องการมากขึ้นครับ และในขณะเดียวกันก็ไม่ควรจะพักมากเกินไปจนติดเป็นนิสัย หรือสบายเกินไปจนละเลยความรับผิดชอบของเราเอง


การรักตัวเองไม่ใช่ข้ออ้างในการหลีกหนีหรือละเลยภาระหน้าที่ แต่มันคือการรู้จักรักษาสมดุลระหว่างการทำงานและการพักผ่อนอย่างพอเหมาะ ไม่ใช่เอาคำว่า “รักตัวเอง” มาอ้างเพื่อจะได้กิน เที่ยว หรือเล่นมือถือจนเกินพอดีไป เพราะลึก ๆ แล้วทุกคนรู้ดีอยู่แล้วว่านั่นไม่ใช่การรักตัวเองที่แท้จริง


ดังนั้นเนื้อหาในบทนี้ จึงอยากให้เราตระหนักว่า “การพักผ่อน” คือ ส่วนหนึ่งของการรักตัวเอง แต่ต้องอยู่ในจุดที่พอดี เพื่อให้พร้อมลุยงานต่าง ๆ ในความรับผิดชอบของเรา และมุ่งหน้าสู่ความสำเร็จอย่างต่อเนื่องในทุกวันครับ





ช่วงเวลาสำหรับหลักคิดยามเหนื่อย แนวคิดยามท้อ เพื่อเรียกพลังที่เหลือมาฮึดสู้ต่อให้วันนั้นประสบความสำเร็จตามที่คาดหวัง
ช่วงเวลาสำหรับหลักคิดยามเหนื่อย แนวคิดยามท้อ เพื่อเรียกพลังที่เหลือมาฮึดสู้ต่อให้วันนั้นประสบความสำเร็จตามที่คาดหวัง

ในช่วงบ่ายนี้ “คุณเปา” นิยามสั้น ๆ ไว้ว่า

“ช่วงเวลาสำหรับหลักคิดยามเหนื่อย แนวคิดยามท้อ เพื่อเรียกพลังที่เหลือมาฮึดสู้ต่อให้วันนั้นประสบความสำเร็จตามที่คาดหวัง”


ชื่อนิยามในช่วงนี้อาจจะยาวซักหน่อยนะครับ และบทที่ผมชอบมากก็คือ “รู้เท่าเดิม ทำแบบเดิม ก็ได้แบบเดิม”


เนื้อหาของบทนี้ได้เปรียบเทียบการมุ่งหาความสำเร็จ กับการเปิดร้านขนมครับ หากคุณมีสูตรขนมที่ทำอยู่แต่มันไม่ตอบโจทย์หรือไม่อร่อย ไม่ถูกใจลูกค้า เราเองก็ควรปรับเปลี่ยนสูตรให้ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการลดแป้งบางตัวออกไป การเพิ่มน้ำตาล หรือพัฒนาขนมแบบใหม่ ๆ ขึ้นมาเข้าชั้นในร้าน เพื่อเพิ่มโอกาสทางการขาย และเพิ่มความหลากหลายให้กับธุรกิจ


และแน่นอนว่าหากมันเป็นการทำสิ่งใหม่ หรือสิ่งที่คุณทำในวันแรกมันจะมีข้อผิดพลาดบ้างไม่มากก็น้อย เพราะคุณเองอาจจะยังไม่มีความรู้หรือทักษะที่เพียงพอ ทุกคนต่างเริ่มต้นจากศูนย์ทั้งนั้น หรือบางคนติดลบก็มี สิ่งสำคัญคือ อย่าหยุดที่จะเรียนรู้ อย่าหยุดที่จะพัฒนาตัวเอง โดยเฉพาะในยุคปัจจุบันที่ความรู้ต่าง ๆ เข้าถึงได้ง่ายมาก ๆ และความรู้ใหม่ ๆ ก็เกิดขึ้นตลอดเวลา หากเราหยุดนิ่งก็เท่ากับถอยหลังโดยไม่รู้ตัวแล้ว


ดังนั้น พยายามในช่วงเวลาบ่ายนี้เป็นเวลาฮึดสู้ ลุกขึ้นมาเรียนรู้ พัฒนาทักษะและความรู้ของเราอย่างไม่หยุดยั้ง เพราะเมื่อเรารู้มากขึ้น ก็จะพัฒนาไปได้ไกลขึ้น และเมื่อเราพัฒนาขึ้นผลลัพธ์ที่ได้ก็จะดีขึ้นตามไปด้วยอย่างแน่นอนครับ 



ช่วงเวลาดี ๆ มีไว้ทบทวน ตกตะกอน และเรียนรู้ เพื่อวางแผนสำหรับวันถัดไป
ช่วงเวลาดี ๆ มีไว้ทบทวน ตกตะกอน และเรียนรู้ เพื่อวางแผนสำหรับวันถัดไป

ในช่วงเย็นนี้ “คุณเปา” นิยามสั้น ๆ ไว้ว่า

“ช่วงเวลาดี ๆ มีไว้ทบทวน ตกตะกอน และเรียนรู้ เพื่อวางแผนสำหรับวันถัดไป”


และบทที่ผมชอบและเลือกมาแชร์กับเพื่อน ๆ ทุกคนคือบทที่ชื่อว่า

“คู่แข่งของเราในวันนี้ คือ ตัวเราในเมื่อวาน”


ในบทนี้คุณเปาได้ยกตัวอย่างการสัมภาษณ์คุณ เก้า จิรายุ นักร้องนำวง Retrospect ที่เคยรู้สึกไม่มั่นใจในความสามารถในการร้องเพลงของตัวเองในช่วงแรก ๆ จนไปปรึกษากับรุ่นพี่ท่านหนึ่งและได้รับคำแนะนำกลับมาว่า


“ถ้ามีคนหายใจเก่งกว่าเรา เราต้องหยุดหายใจด้วยไหม”


คำพูดนี้ได้สะท้อนให้เห็นความจริงว่าในโลกใบนี้มีคนเก่ง ๆ มากมายในทุก ๆ วงการ เราอาจจะไม่สามารถเก่งที่สุดเหนือใครได้ตลอดไป แต่สิ่งที่ควรทำคือ ศึกษาแนวทางจากคนเก่ง ๆ เหล่านั้น เพื่อนำมาเป็นกรณีศึกษา นำมาเป็นแรงบันดาลใจ ในการพัฒนาตัวเรา งานของเราให้ดียิ่งขึ้น และอย่าใช้การเปรียบเทียบกับผู้อื่นมากดให้ตัวเองต่ำลง


หากการมองคนที่เก่งกว่าทำให้เราท้อแท้ ลองถามตัวเองดูก่อนว่า “วันนี้เราก้าวหน้ากว่าเมื่อวานไหม” ถ้าคำตอบคือ “ใช่” แม้เพียงเล็กน้อย นั่นหมายความว่าเรายังอยู่บนเส้นทางสู่ความสำเร็จที่เราได้วางไว้ต่อไป เพราะคู่แข่งคนสำคัญที่สุด ไม่ใช่ใครเลย แต่คือตัวเราเองในเมื่อวานนี้ต่างหากครับ




ช่วงเวลาก่อนนอนที่เราควรปล่อยวางทุกสิ่ง เพื่อรีเซตชีวิต คืนสมดุลให้ทั้งร่างกายและจิตใจ
ช่วงเวลาก่อนนอนที่เราควรปล่อยวางทุกสิ่ง เพื่อรีเซตชีวิต คืนสมดุลให้ทั้งร่างกายและจิตใจ

ในช่วงสุดท้ายของวัน “คุณเปา” นิยามสั้น ๆ ไว้ว่า

“ช่วงเวลาก่อนนอนที่เราควรปล่อยวางทุกสิ่ง เพื่อรีเซตชีวิต คืนสมดุลให้ทั้งร่างกายและจิตใจ”


โดยบทที่ผมชอบมากสำหรับเนื้อหาในส่วนสุดท้ายของวันคือ

“การลงมือทำปัจจุบันให้ดีที่สุด”


เพื่อเมื่อเราทำวันนี้อย่างเต็มที่ พรุ่งนี้ก็จะดีขึ้น และวันนี้ที่กลายเป็นอดีตไปก็จะเป็นอดีตที่ดีเช่นกัน


แน่นอนว่าบางครั้งเราจะรู้สึกว่า ผลลัพธ์ที่ได้มันน่าจะดีกว่านี้ได้ หรือคิดว่า “มันน่าจะไปได้ไกลกว่านี้นะ” แต่หากเรามั่นใจว่าเราได้ทำเต็มที่ที่สุดแล้ว ก็ยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้นดีกว่าครับ ไม่ต้องไปเสียดายเพราะมันคือผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ณ เวลานั้น ๆ แล้ว


และถ้ามีอะไรที่เราคิดว่าลงไปแล้วมันไม่คุ้ม ไม่ว่าจะเป็นแรงกายหรือแรงใจก็ตาม ก็ปล่อยวางมันจะดีกว่าครับ แล้วนำพลังที่เรามีไปทำเรื่องอื่น ๆ แทน อย่างน้อยการเริ่มต้นใหม่ย่อมเปิดโอกาสให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีกว่าและแตกต่างออกไปได้ ดีกว่าการทำซ้ำในเรื่องเดิม ๆ ที่ไม่ตอบโจทย์ชีวิตของเราอีกแล้ว


สิ่งที่สำคัญที่สุดในเรื่องนี้คือให้เชื่อว่า “ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้ ดีที่สุดเสมอ” แล้วพักผ่อน ปล่อยวาง เพื่อเตรียมลุยใหม่ในวันพรุ่งนี้ด้วยพลังที่เต็มที่กว่าเดิมครับ





เพราะเราทุกคนมีเวลา 24 ชั่วโมงเท่า ๆ กัน แต่ใครจะใช้มันให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้ยังไง
เพราะเราทุกคนมีเวลา 24 ชั่วโมงเท่า ๆ กัน แต่ใครจะใช้มันให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้ยังไง


ตลอดเนื้อหาใน Blog นี้ ผมได้หยิบยกตอนที่ผมชอบในแต่ละส่วนตามแนวคิดของคุณเปา iHAVECPU โดยแบ่งตามช่วงเวลาในหนังสือ ตั้งแต่ช่วงเช้าจนถึงก่อนเข้านอน สิ่งที่หนังสือเล่มนี้เน้นย้ำอยู่บ่อย ๆ คือ การให้ความสำคัญกับทุกช่วงเวลาของวัน เพราะเราทุกคนมีเวลา 24 ชั่วโมงเท่า ๆ กัน แต่ใครจะใช้มันให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้ยังไง มันเป็นเรื่องของการตั้งเป้าหมาย การพัฒนาตัวเอง และการให้ความหมายกับทุกนาทีที่ผ่านไป


เราทุกคนควรเรียนรู้ที่จะค้นหาเหตุผลที่เราเกิดมา เพื่อให้แต่ละก้าวที่เดินไปมีความหมายเสมอ พยายามเลือกทำในสิ่งที่เหมาะสมในเวลาที่เหมาะสม เปิดใจรับความรู้ใหม่ ๆ เพื่อไม่ให้เราหยุดอยู่ที่เดิม และไม่ลืมที่จะให้ร่างกายและจิตใจได้พักผ่อนอย่างมีคุณค่า


ท้ายที่สุดการทำวันนี้ให้ดีที่สุดย่อมส่งผลให้พรุ่งนี้ดีขึ้น และวันนี้ที่จะกลายเป็นอดีตไปก็จะเป็นอดีตที่ดีด้วยเช่นกัน หวังว่า Blog นี้จะช่วยให้ทุกคนได้แรงบันดาลใจที่ดีในการใช้เวลาให้เกิดประโยชน์อย่างเต็มที่ และพร้อมที่จะก้าวเดินไปสู่ความสำเร็จในแต่ที่ตัวเองต้องการครับ สวัสดีครับ


Comments


  • Facebook
  • Youtube
  • Instagram
  • Spotify

© 2025 
Powered by NewVeerachai

กรอกอีเมล์เพื่อรับข่าวสารจากเรา

bottom of page