top of page

สรุปหนังสือ Secret of the Millionaire Mind

  • Writer: Veerachai Raksupakijkul
    Veerachai Raksupakijkul
  • Jun 7
  • 3 min read
A book titled "Secrets of the Millionaire Mind" by T. Harv Eker on a wooden surface. Text in Thai and English in the background.
สรุปหนังสือ Secret of the Millionaire Mind

ถอดรหัส 17 ความลับสมองเงินล้าน: ทำไมบางคนรวยขึ้นเรื่อยๆ แต่บางคนเงินหมดก่อนสิ้นเดือน?

เคยสงสัยไหมครับว่า ทำไมเพื่อนที่เรียนมาด้วยกัน หรือเพื่อนร่วมงานที่ออฟฟิศ บางคนถึงมีชีวิตการเงินที่ดีขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่ตัวเรา (หรือเพื่อนอีกหลายคน) ยังคงต้องเผชิญกับภาวะ "สิ้นเดือนเหมือนสิ้นใจ" กันอยู่ทุกที?


หรือบางครั้งเราก็เห็นข่าวคนที่สร้างเนื้อสร้างตัวจากศูนย์ จนกลายเป็นเศรษฐีได้สำเร็จ แต่ในขณะเดียวกัน ก็มีคนอีกมากมายที่ยังคงวนเวียนอยู่ในวงจรความจนไปตลอดชีวิต


เชื่อไหมครับว่าคำตอบของเรื่องนี้ อาจไม่ได้อยู่ที่โชคชะตาฟ้าลิขิต หรือการศึกษาที่สูงส่ง แต่อยู่ที่สิ่งที่เราเรียกว่า "วิธีคิดเรื่องเงิน" หรือ "จิตใจความเป็นเศรษฐี (Millionaire Mind)" ต่างหาก


วันนี้เราจะมาถอดรหัสแนวคิดสนุกๆ จากหนังสือระดับตำนานอย่าง "Secrets of the Millionaire Mind" (ความลับสมองเงินล้าน) ที่เขียนโดยคุณ T. Harv Eker ซึ่งจะเปิดเผยความแตกต่างทางความคิด 17 ข้อ ระหว่าง "คนรวย" กับ "คนจน" ที่ไม่ว่าใครก็สามารถนำไปปรับใช้ได้ครับ

Hands hold Japanese yen coins and banknotes over receipts on a wooden table. The person wears a striped shirt.
คนรวยคิดใหญ่ คนจนคิดเล็ก

อยากเปลี่ยนชีวิตการเงินของคุณให้ดีขึ้นไหมครับ? ถ้าพร้อมแล้ว เรามาดูกันเลย!


1. คนรวยคิดใหญ่ คนจนคิดเล็ก

เคยไหมครับ? ที่เราใช้เวลาเป็นชั่วโมงในซูเปอร์มาร์เก็ต เพื่อเดินเทียบราคาสินค้าจากหลายๆ ที่ เพียงเพื่อจะประหยัดเงินให้ได้สัก 20-30 บาท หรือยอมต่อคิวยาวเหยียดเป็นชั่วโมงเพื่อรับของฟรีสักชิ้น?


ถ้าเคยทำ... นั่นคือสัญญาณของ "การคิดเล็ก" ครับ


ไม่ใช่ว่าการประหยัดเป็นเรื่องไม่ดีนะครับ แต่มันจะไม่คุ้มค่าเลยเมื่อเทียบกับ "เวลา" ที่คุณเสียไป ถ้าคุณใช้เวลา 1 ชั่วโมงเพื่อหาส้มที่ถูกที่สุดและประหยัดได้ 20 บาท นั่นหมายความว่าคุณกำลังตีค่าเวลา 1 ชั่วโมงของตัวเองไว้ที่ 20 บาทเท่านั้น


ในทางกลับกัน คนรวยเข้าใจคุณค่าของเวลา พวกเขาจะไม่เสียเวลาไปกับเงินเล็กๆ น้อยๆ แต่จะใช้เวลาและสมองไปคิดหาวิธีสร้างมูลค่าให้เวลา 1 ชั่วโมงของพวกเขากลายเป็น 20,000 หรือ 200,000 บาทแทน


2. คนรวยเลือกรับเงินตามผลงาน คนจนเลือกรับเงินตามเวลา

ขอพูดกันแบบตรงๆ นะครับ: โลกนี้ไม่ได้สนใจว่าคุณ "พยายาม" แค่ไหน แต่สนใจว่าคุณสร้าง "ผลลัพธ์" อะไรได้บ้าง


ลูกค้าไม่ซื้อสินค้าคุณภาพต่ำเพียงเพราะคุณบอกว่าใช้เวลาทำมันมาเป็นร้อยชั่วโมงใช่ไหมครับ? เช่นเดียวกัน คุณคงไม่ยอมเสียเวลาฟังพอดคาสต์หรืออ่านบทความที่ไม่สนุก เพียงเพราะคนทำบอกว่าเขาเหนื่อยมากๆ กว่าจะทำเสร็จ... ทุกอย่างวัดกันที่ "ผลลัพธ์" ล้วนๆ


คนรวยเชื่อในคุณค่าและความสามารถของตัวเองในการสร้างผลลัพธ์ พวกเขาจึงเลือกรับเงินตามผลงาน แต่คนจนมักไม่มั่นใจในตัวเองขนาดนั้น พวกเขาจึงต้องการความมั่นคงจาก "เงินเดือน" ที่ได้แน่ๆ ทุกสิ้นเดือน แม้ว่ามันจะจำกัดศักยภาพของพวกเขาก็ตาม


3. คนรวยคิดแบบ "ได้ทั้งสองอย่าง" คนจนคิดแบบ "ต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง"

คนจนมักมองว่าโลกนี้มีทรัพยากรจำกัดเหมือนเค้กที่ต้องแบ่งกันกิน ถ้าใครได้ชิ้นใหญ่ไป อีกคนก็ต้องได้ชิ้นเล็กลง แต่คนรวยมองว่าโลกนี้เหมือนบุฟเฟ่ต์ที่ของไม่มีวันหมด เมื่อของหมด พนักงานก็จะมาเติมให้ใหม่เสมอ


อยากมีอาชีพที่รุ่งเรือง หรืออยากมีความสัมพันธ์ที่ดีกับครอบครัว? → ทำไมไม่เอาทั้งสองอย่าง?

อยากทำธุรกิจให้สำเร็จ หรืออยากมีเวลาไปเที่ยวเล่นสนุกๆ? → ทำไมไม่เอาทั้งสองอย่าง?


คนจนมักเชื่อว่าต้องเลือกระหว่าง "เงิน" กับ "ความสุข" หรือ "ความดี" พวกเขากลัวว่าการเป็นคนรวยจะทำให้กลายเป็นคนไม่ดี เลยเลือกที่จะเป็นคนดีและยากจนต่อไป


แต่ความจริงแล้ว เงินไม่ได้เปลี่ยนคุณ แต่เงินจะขยายสิ่งที่คุณเป็นอยู่แล้วให้ชัดเจนขึ้น ถ้าคุณเป็นคนใจดี การมีเงินจะทำให้คุณเป็นคนรวยที่ใจดีและช่วยเหลือคนได้มากขึ้น แต่ถ้าคุณเป็นคนนิสัยไม่ดีอยู่แล้ว เงินก็จะทำให้คุณเป็นคนรวยที่นิสัยแย่มากขึ้นไปอีก


4. คนรวยมองหา "โอกาส" คนจนมองหา "อุปสรรค"

ข้อนี้เป็นหนึ่งในข้อที่ชัดเจนที่สุดเลยครับ เวลาเรามีไอเดียธุรกิจใหม่ๆ ไปเล่าให้ใครฟัง สังเกตไหมว่าคนส่วนใหญ่มักจะชี้ให้เห็นแต่ "ความเสี่ยง" และเหตุผลร้อยแปดว่าทำไมมันถึง "จะเจ๊ง"


นั่นคือวิธีคิดของคนจนครับ พวกเขามองเห็นแต่อุปสรรคและปัญหาอยู่เสมอ ในขณะที่คนรวย แม้จะเห็นปัญหา แต่พวกเขาจะโฟกัสไปที่ "โอกาส" ที่ซ่อนอยู่ การตัดสินใจของคนจนมักมาจากความกลัว ความคิดในหัวคือ "แล้วถ้ามันไม่เวิร์คล่ะ?"


แน่นอนว่าเราไม่ควรเมินปัญหา แต่ก็อย่าให้ความกลัวมาหยุดเราครับ เพราะกฎจักรวาลนั้นง่ายมาก: คุณโฟกัสอะไร คุณก็จะได้สิ่งนั้น ถ้าคุณมองหาแต่ปัญหา คุณก็จะเจอแต่ปัญหา แต่ถ้าคุณมองหาโอกาส คุณก็จะเจอโอกาสครับ


5. คนรวยคบหากับคนที่สำเร็จและมองโลกในแง่ดี

จำประโยคนี้ไว้ให้ดีครับ: "อยากบินอย่างนกอินทรี อย่าไปว่ายน้ำกับเป็ด"


ถ้าเป้าหมายของคุณคือการเป็นคนรวยและประสบความสำเร็จ ก็จงเอาตัวเองไปอยู่ใกล้ๆ คนเหล่านั้น ศึกษาชีวิตพวกเขา อ่านหนังสือที่พวกเขาอ่าน ทำในสิ่งที่พวกเขาทำ ใช้พวกเขาเป็นต้นแบบ


หลายคนอาจจะเถียงว่า "อ้าว แล้วจะให้ลอกเลียนแบบคนอื่นเหรอ? ไม่เป็นตัวของตัวเองเลย?" การเรียนรู้จากคนที่สำเร็จแล้ว ไม่ใช่การลอกเลียนแบบ แต่เป็นการเรียนรู้จาก "พิมพ์เขียว" ที่พิสูจน์แล้วว่าได้ผล ซึ่งเพิ่มโอกาสสำเร็จให้เราได้มากกว่าการงมหาทางเอง


"แล้วถ้าไม่มีเพื่อนรวยๆ ล่ะ จะทำยังไง?" คุณไม่จำเป็นต้องเจอตัวจริงก็ได้ครับ! หนังสือที่พวกเขาเขียน วิดีโอที่พวกเขาสอน พอดคาสต์ที่พวกเขาสัมภาษณ์... ทั้งหมดนี้คือช่องทางให้คุณได้ "คบหา" กับพวกเขาในโลกยุคใหม่นี้ครับ

Man in white shirt writing on papers at a desk with a laptop. Bright light filters through window blinds, creating a focused atmosphere.
 คนรวย "มุ่งมั่น" ที่จะรวย

6. คนรวย "มุ่งมั่น" ที่จะรวย คนจนแค่ "อยาก" รวย

การแค่ "อยากรวย" มันกว้างและคลุมเครือเกินไป เหมือนเดินเข้าร้านเบเกอรี่แล้วบอกคนขายว่า "อยากกินขนมปัง" คนขายก็คงงงว่าอยากกินขนมปังแบบไหนกันแน่


แต่ถ้าคุณเดินเข้าไปแล้วสั่งว่า "ขอครัวซองต์อัลมอนด์ อบร้อนๆ 1 ชิ้นครับ" คุณก็จะได้สิ่งที่คุณต้องการแน่นอน


คนรวยก็เช่นกันครับ พวกเขารู้ชัดเจนว่า "ชีวิตที่รวย" ในแบบของเขาหน้าตาเป็นอย่างไร และมีแผนที่จะไปให้ถึงจุดนั้น เหตุผลอันดับหนึ่งที่คนส่วนใหญ่ไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการ ก็เพราะพวกเขาไม่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไรกันแน่!


ลองถามตัวเองดูครับ: ชีวิตที่รวยสำหรับคุณคืออะไร? คือการได้นั่งแท็กซี่แทนรถเมล์ร้อนๆ? คือการเปิดเมนูอาหารแล้วสั่งได้เลยโดยไม่ต้องดูราคา? คือการพาพ่อแม่ไปเที่ยวต่างประเทศได้ปีละสองครั้ง? ยิ่งชัดเจนเท่าไหร่ ยิ่งมีโอกาสไปถึงได้เร็วขึ้นเท่านั้น


7. คนรวยยินดีโปรโมตตัวเองและคุณค่าที่พวกเขามี

ถ้าคุณมียารักษาโรคร้ายแรงสักชนิดหนึ่ง คุณจะเก็บมันไว้เงียบๆ หรือจะพยายามบอกต่อให้คนที่ป่วยได้รู้?


แน่นอนว่าคุณต้องบอกต่อใช่ไหมครับ!


เช่นเดียวกัน ถ้าคุณเชื่อว่าสินค้า บริการ หรือความสามารถของคุณ สามารถช่วยเหลือผู้คนได้จริงๆ มันคือ "หน้าที่" ของคุณที่จะต้องโปรโมตมันออกไป การเกลียดการขายหรือการโปรโมต คือหนึ่งในอุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดของความสำเร็จ คุณจะสร้างธุรกิจให้เติบโตได้อย่างไรถ้าไม่ยอมบอกให้โลกรู้ว่าคุณมีของดีอะไร?


จริงๆ แล้วชีวิตเราเต็มไปด้วยการ "ขาย" อยู่ตลอดเวลาครับ การโน้มน้าวแฟนให้ไปกินร้านอาหารที่คุณอยากไป หรือการสอนให้ลูกตั้งใจเรียน... ทั้งหมดนี้ก็คือการขายรูปแบบหนึ่ง


8. คนรวยเชื่อว่า "ฉันสร้างชีวิตของฉันเอง" คนจนเชื่อว่า "ชีวิตเกิดขึ้นกับฉัน"

คนรวยเชื่อว่าตัวเองเป็นคนขับรถที่กุมพวงมาลัยชีวิตไว้เอง แต่คนจนมักใช้ชีวิตเหมือนเป็นแค่ผู้โดยสารที่รอให้โชคชะตาพาไป


สังเกตไหมครับว่า คนจนมักจะเป็นคนที่ใช้เงินไปกับการเสี่ยงโชคซื้อลอตเตอรี่ พวกเขาหวังว่าสักวันโชคจะเข้าข้างและทำให้พวกเขารวยขึ้นมาได้ พวกเขามักจะโทษทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัว ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล เศรษฐกิจ การศึกษา หรือโชคชะตา แต่ไม่เคยโทษตัวเองเลย


ในทางกลับกัน คนรวยจะรับผิดชอบชีวิตตัวเอง 100% พวกเขาไม่โทษใคร และใช้ทุกข้อจำกัดเป็นแรงผลักดันให้ตัวเองต้องเก่งขึ้นและเรียนรู้มากขึ้น


9. คนรวยบริหารเงินเก่ง คนจนบริหารเงินแย่

เงินก็เป็นแค่ "เครื่องมือ" ชนิดหนึ่งครับ เหมือนคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์ที่คุณต้องเรียนรู้วิธีใช้มัน แต่แปลกที่คนส่วนใหญ่ยอมเสียเวลาเรียนรู้การใช้แอปต่างๆ แต่กลับไม่เคยคิดจะหยิบหนังสือการเงินขึ้นมาอ่าน เพื่อเรียนรู้วิธีจัดการกับสิ่งที่ตัวเองยอมเอาเวลาทั้งชีวิตไปแลกมา


คนรวยไม่ได้ฉลาดกว่าคนจนครับ พวกเขาแค่มี "นิสัย" และ "วินัย" ทางการเงินที่ดีกว่าเท่านั้น คุณไม่สามารถพูดว่า "เดี๋ยวรวยก่อนแล้วค่อยเริ่มจัดการเงิน" ได้หรอกครับ มันเหมือนคนอ้วนที่บอกว่า "เดี๋ยวผอมลง 10 โลก่อนแล้วค่อยเริ่มออกกำลังกาย" คุณต้องเริ่มจัดการเงินที่คุณมีอยู่ตอนนี้ให้ดีก่อน แล้วจักรวาลจะส่งเงินมาให้คุณจัดการมากขึ้นเอง


10. คนรวยอยู่เหนือปัญหา คนจนปล่อยให้ปัญหาอยู่เหนือตัวเอง

ไม่ว่าคุณจะรวยหรือจน ชีวิตนี้ยังไงก็ต้องเจอปัญหาครับ ความลับของความสำเร็จไม่ใช่การพยายามหนีปัญหา แต่คือการ "พัฒนาตัวเองให้ใหญ่กว่าปัญหา"


ขนาดของปัญหาไม่เคยเป็นประเด็น สิ่งที่สำคัญคือ "ขนาดของตัวคุณ" ต่างหาก ถ้าคุณสามารถจัดการปัญหาใหญ่ๆ ได้ คุณก็จะสามารถจัดการธุรกิจที่ใหญ่ขึ้น พนักงานที่มากขึ้น และเงินที่มากขึ้นได้เช่นกัน

Stack of papers with Canadian bills (20 and 100) peeking out, a calculator, and coins in the background on a wooden desk.
คนรวยเป็น "ผู้รับ" ที่ยอดเยี่ยม

11. คนรวยเป็น "ผู้รับ" ที่ยอดเยี่ยม คนจนเป็น "ผู้รับ" ที่ยอดแย่

หลายคนรู้สึกไม่ดีหรือไม่คู่ควรเวลาได้รับคำชม ของขวัญ หรือแม้กระทั่งเงิน อาจเป็นเพราะตอนเด็กๆ เรามักจะได้ยินแต่คำว่า "ทำแบบนั้นมันผิดนะ" "ทำไมทำแค่นี้" จนเกิดความรู้สึกว่าตัวเอง "ไม่ดีพอ" ติดตัวมา


ตั้งแต่วันนี้ ลองเปลี่ยนใหม่ครับ เมื่อมีคนชมว่าคุณเก่ง ให้พูดว่า "ขอบคุณครับ/ค่ะ" และรับคำชมนั้นมาด้วยความยินดีแทนที่จะปฏิเสธ ถ้าคุณเจอเงินตกอยู่บนพื้นแม้จะเป็นแค่เหรียญบาท ก็จงก้มลงเก็บมันด้วยความรู้สึกขอบคุณ เพราะนั่นคือการฝึกตัวเองให้เป็น "แม่เหล็กดึงดูดเงิน"


12. คนรวยเล่นเกมการเงินเพื่อ "ชนะ" คนจนเล่นเพื่อ "ไม่ให้แพ้"

เป้าหมายของคนส่วนใหญ่ในการหาเงิน คือการมีเงินให้ "พอจ่ายบิล" และ "พออยู่รอด" ไปวันๆ ซึ่งนี่คือการเล่นเกมการเงินแบบตั้งรับเพื่อ "ไม่ให้แพ้"


เมื่อเป้าหมายของคุณคือแค่การเอาตัวรอด คุณก็จะได้เงินมาแค่พอรอดจริงๆ ครับ


คนรวยตั้งเป้าหมายสูงกว่านั้น พวกเขาเล่นเกมนี้เพื่อ "ชนะ" เพื่อสร้างความมั่งคั่งและความอุดมสมบูรณ์ ถ้าเป้าหมายของคุณคือการใช้ชีวิตแบบ "สบายๆ" โอกาสที่คุณจะรวยนั้นแทบไม่มีเลย แต่ถ้าเป้าหมายของคุณคือการ "เป็นคนรวย" อย่างน้อยๆ คุณจะลงเอยด้วยการมีชีวิตที่สบายมากๆ แน่นอน


13. คนรวยให้เงินทำงานหนักเพื่อพวกเขา คนจนทำงานหนักเพื่อเงิน

แน่นอนว่าช่วงแรกคุณต้องทำงานหนักเพื่อหาเงินมาก่อน แต่สำหรับคนรวยแล้ว สถานการณ์นี้เป็นแค่เรื่อง "ชั่วคราว" แต่สำหรับคนจน มันคือวงจรที่ไม่มีที่สิ้นสุด


เป้าหมายสำคัญคือการสร้าง "อิสรภาพทางการเงิน" ให้เร็วที่สุด นั่นคือจุดที่คุณมีรายได้จากทรัพย์สิน (Passive Income) เช่น เงินปันผล ค่าเช่า หรือกำไรจากธุรกิจ เข้ามามากกว่าค่าใช้จ่ายรายเดือนของคุณ จนคุณไม่จำเป็นต้องทำงานเพื่อเงินอีกต่อไป


จงมุ่งเน้นไปที่การสร้าง Passive Income ก่อน เมื่อคุณเป็นอิสระจากงานประจำแล้ว คุณจะมีเวลาและพลังงานเหลือเฟือที่จะไปสร้างความมั่งคั่งในขั้นต่อไป


14. คนรวยสนใจ "มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ" คนจนสนใจ "รายได้จากการทำงาน"

เวลาคนคุยกันเรื่องเงิน มักจะถามว่า "เงินเดือนเท่าไหร่?" แต่แทบไม่มีใครถามว่า "มีทรัพย์สินสุทธิเท่าไหร่?"


ความมั่งคั่งที่แท้จริงไม่ได้วัดกันที่รายได้ต่อเดือน แต่วัดกันที่ "มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ" (Net Worth) ซึ่งคำนวณง่ายๆ โดยการนำ ทรัพย์สินทั้งหมดที่คุณมี (เงินสด, หุ้น, อสังหาฯ ฯลฯ) มาลบด้วยหนี้สินทั้งหมดของคุณ


สิ่งนี้คือตัวชี้วัดความมั่งคั่งที่แท้จริง เพราะมันคือทุกสิ่งที่คุณสามารถเปลี่ยนเป็นเงินสดได้ ลองคำนวณ Net Worth ของคุณดู และคอยติดตามมันทุกๆ ไตรมาส เพราะ "สิ่งที่เราติดตามวัดผล มักจะได้รับการปรับปรุงอยู่เสมอ"


15. คนรวยลงมือทำทั้งๆ ที่กลัว คนจนปล่อยให้ความกลัวมาหยุดยั้ง

ความคิด → นำไปสู่ ความรู้สึก → นำไปสู่ การกระทำ → นำไปสู่ ผลลัพธ์


การกระทำคือสะพานเชื่อมระหว่างโลกภายใน (ความคิด) กับโลกภายนอก (ผลลัพธ์) หากขาดการลงมือทำ ต่อให้อ่านหนังสือพัฒนาตัวเองเป็นร้อยเล่มก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง


แล้วอะไรล่ะที่หยุดเราไม่ให้ลงมือทำ? คำตอบคือ "ความกลัว" ครับ


คนรวยก็กลัวเหมือนกันครับ แต่เขาเลือกลงมือทำ "ทั้งๆ ที่ยังกลัว" ในขณะที่คนจนยอมให้ความกลัวมาหยุดพวกเขาไว้ เพราะไม่อยากรู้สึกอึดอัดหรือไม่สบายใจ แต่จำไว้ว่า "ถ้าคุณยอมทำในสิ่งที่ไม่สบาย ชีวิตคุณจะสบาย แต่ถ้าคุณทำแต่สิ่งที่สบายๆ ชีวิตคุณจะไม่สบายเลย"

A person holds a red book covering their face, standing in front of a chalkboard filled with math and science equations and diagrams.
สามคำที่อันตรายที่สุดในโลกคือ "ฉันรู้แล้ว"

16. คนรวยเรียนรู้และเติบโตอยู่เสมอ คนจนคิดว่าตัวเองรู้หมดแล้ว

สามคำที่อันตรายที่สุดในโลกคือ "ฉันรู้แล้ว"


ถ้าคุณยังไม่รวยและยังไม่มีความสุขอย่างที่ต้องการ นั่นเป็นสัญญาณว่ายังมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่คุณ "ยังไม่รู้" เกี่ยวกับเงิน ความสำเร็จ และชีวิต


ถ้าคุณยังคงทำในสิ่งที่เคยทำมาตลอด คุณก็จะได้ผลลัพธ์เหมือนเดิมที่เคยได้มาตลอดเช่นกัน จงเปิดใจเรียนรู้สิ่งใหม่อยู่เสมอ เพราะคนที่ประสบความสำเร็จที่สุด คือคนที่เป็น "นักเรียนรู้" ตลอดชีวิต


17. คนรวยชื่นชมคนที่ประสบความสำเร็จ คนจนชิงชังคนที่ประสบความสำเร็จ

เคยไหมครับที่เห็นคนขับรถหรูๆ ผ่านมา แล้วคนรอบข้างก็เริ่มซุบซิบในแง่ลบว่า "ต้องทำธุรกิจสีเทาแน่ๆ" หรือ "ต้องเป็นคนไม่ดีแน่ๆ"


นี่คือทัศนคติของคนจนครับ พวกเขามองความสำเร็จของคนอื่นด้วยความอิจฉา ความริษยา และความชิงชัง ซึ่งเป็นพลังงานลบที่ผลักไสความสำเร็จให้ออกห่างจากตัวเองไปโดยไม่รู้ตัว


ในทางกลับกัน คนรวยจะมองความสำเร็จของคนอื่นเป็น "แรงบันดาลใจ" พวกเขาจะชื่นชมและเรียนรู้จากคนเหล่านั้น พร้อมกับพูดกับตัวเองว่า "ถ้าเขาทำได้ ฉันก็ต้องทำได้"


ทั้ง 17 ข้อนี้คือแนวคิดที่ทรงพลังซึ่งสามารถเปลี่ยนชีวิตการเงินของเราได้จริงๆ ครับ การเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงไม่ได้รอคอยโชคชะตา แต่อยู่ที่การลงมือปรับเปลี่ยน "กรอบความคิด" เกี่ยวกับเงินและความสำเร็จของเราตั้งแต่วันนี้


หากใครชื่นชอบการฟัง Podcast สรุปหนังสือดีๆ หรือการวิเคราะห์ธุรกิจแบบเข้าใจง่าย สามารถไปติดตามฟังกันได้ที่ YouTube: NewVeerachai ได้ทุกเช้าเวลา 07:00 น. ครับ!

Comments


  • Facebook
  • Youtube
  • Instagram
  • Spotify

© 2025 
Powered by NewVeerachai

กรอกอีเมล์เพื่อรับข่าวสารจากเรา

bottom of page