Decode EP.1 | AI ไปถึงไหนแล้ว
- Veerachai Raksupakijkul
- Jun 27
- 2 min read
Updated: Jun 28
เมื่อวานนี้ผมได้มีโอกาสดูคลิปของรายการ Executive Espresso EP.552 ของช่อง THE SECRET SAUCE ครับ ดูจบแล้วเห็นว่าน่าสนใจเลยอยากจะสรุปประเด็นสำคัญ ๆ มาเล่าสู่กันฟังครับ เพราะฉะนั้นบทความนี้จะเป็นการสรุปเนื้อหามาจากคลิป "สรุป AI ครึ่งปีแรก 2025 ไปถึงไหน เราควรทำอะไร"
โดยขอสรุปออกมาเป็น 11 ประเด็นสำคัญที่กำลังเกิดขึ้นในโลก AI แบบย่อยง่ายๆ ให้เห็นภาพชัดเจนกันว่า AI กำลังจะพาเราไปทางไหน และเราควรเตรียมตัวรับมือกับคลื่นลูกใหญ่นี้อย่างไรบ้าง

1. AI ไม่ใช่แค่เทรนด์ แต่คือ "การปฏิวัติ" ครั้งใหม่
ลองนึกภาพตอนที่โลกมีไฟฟ้าใช้ครั้งแรกดูนะครับ หรือวันที่อินเทอร์เน็ตเข้ามาในชีวิตของเราสิครับ AI ในวันนี้ก็ทรงพลังแบบนั้นเลย มันเลยถูกเรียกว่าเป็น "ไฟฟ้าใหม่" ที่จะเข้าไปอยู่ในทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวเรา และเปลี่ยนแปลงโลกไปอย่างสิ้นเชิง ที่สำคัญกว่านั้นคือ AI สามารถเรียนรู้ความรู้ทั้งหมดที่มนุษย์เราสะสมมาตลอดประวัติศาสตร์ได้ นั่นจึงทำให้การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้รุนแรงถึงขั้นอาจจะเปลี่ยน "อารยธรรม" ของมนุษย์เลยทีเดียวครับ
2. ปลดล็อก "คลังปัญญาของมวลมนุษย์" ด้วย AI
เรื่องนี้น่าคิดมาก ๆ ครับ! อยากให้ทุกคนลองจินตนาการว่าในอนาคตอันใกล้ คนหนึ่งคนอาจเข้าถึงองค์ความรู้ที่เทียบเท่ากับคนหลายพันล้านคนในปัจจุบันได้ มันเหมือนกับการที่เรามีกุญแจเปิดประตูสู่ "คลังปัญญาของโลก" ทำให้เราต่อยอดความรู้และสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ได้เร็วขึ้นแบบก้าวกระโดด โดยไม่ต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่ทั้งหมด เพราะที่ผ่านมามนุษย์เราก็มีข้อจำกัดเรื่องของอายุขัยกว่าเราจะชำนาญเรื่องใด เรื่องนึง ก็ใช้เวลาในชีวิตไปกันหลักพัน หลักหมื่นชั่วโมง แต่การมาของ AI ครั้งนี้ มันทำให้เราสามารถก้าวผ่านข้อจำกัดเหล่านั้นไปได้เลยครับ
3. AGI คืออะไร? และทำไมยักษ์ใหญ่สายเทคฯ ถึงทุ่มสุดตัว
เป้าหมายสูงสุดที่บริษัทอย่าง Google, OpenAI (ผู้สร้าง ChatGPT), Meta (Facebook) และค่ายอื่นๆ กำลังแข่งขันกันไปให้ถึง ไม่ใช่แค่ AI ทั่วไป แต่คือสิ่งที่เรียกว่า AGI (Artificial General Intelligence)
พูดง่ายๆ AGI ก็คือ "AI ที่ฉลาดรอบด้านเหมือนมนุษย์" มันอาจจะเป็นผู้ช่วยส่วนตัวที่ทำได้ทุกอย่าง ตั้งแต่เรื่องงานไปจนถึงเรื่องส่วนตัว และอาจจะรู้จักเราดีกว่าที่เรารู้จักตัวเองเสียอีก!
4. 4 สนามรบหลัก ที่บริษัท AI กำลังแข่งกันอย่างดุเดือด
การแข่งขันของ AI ไม่ได้วัดกันที่ "ความฉลาด" อย่างเดียว แต่มี 4 ด้านหลักๆ ที่แต่ละบริษัทพยายามพัฒนาให้เหนือกว่าคู่แข่งครับ
🧠 Intelligence (ความฉลาด): ทำให้ AI เก่งขึ้นเรื่อยๆ แก้ปัญหาซับซ้อนได้ หรือแม้แต่ทำข้อสอบชนะมนุษย์ได้แล้ว
🤖 Agentic (การทำงานแทน): พัฒนาให้ AI ทำงานแทนเราได้เองแบบอัตโนมัติ เช่น สั่งของ จองตั๋วเครื่องบิน นี่แหละครับ "แรงงานใหม่ชั้นดี" แห่งอนาคต(อันใกล้)
❤️ Personalization (การรู้ใจ): ทำให้ AI รู้จักและจดจำความชอบของเราได้(แบบรายบุคคลด้วย) เพื่อช่วยงานได้ตรงใจและแม่นยำ เหมือนมีผู้ช่วยส่วนตัวที่รู้ใจเรามาก ๆ
🕶️ Device (อุปกรณ์ใหม่ๆ): เราจะไม่ได้คุยกับ AI แค่บนหน้าจอคอมหรือมือถืออีกต่อไป แต่จะมีอุปกรณ์ใหม่ๆ เช่น แว่นตา ที่ทำให้เราโต้ตอบกับ AI ได้อย่างเป็นธรรมชาติมากขึ้น (อีกหน่อยเวลาเดินถนน ก็อาจจะเห็นแต่ละคนพึมพำ ๆ เหมือนพูดอยู่คนเดียว แต่จริง ๆ คือ กำลังคุยกับ AI อยู่)
5. โครงสร้างของโลก AI เขาแบ่งกันเป็นชั้นๆ ยังไงบ้าง?
ถ้าเปรียบโลก AI เป็นตึกสูงหลังหนึ่ง มันจะมีองค์ประกอบอยู่ 5 ชั้นหลักๆ ครับ
ชั้นที่ 1: Infrastructure (ฐานราก): คือสิ่งที่จับต้องได้ เช่น ชิปประมวลผล (เหมือนของ Nvidia), Cloud, และ Data Center ต่างๆ ที่เป็นหัวใจของการขับเคลื่อน AI
ชั้นที่ 2: Large Models (โครงสร้างหลัก): คือโมเดล AI ขนาดใหญ่ที่ซับซ้อน เปรียบเหมือนพิมพ์เขียวของตึก เช่น GPT-4 ของ OpenAI หรือ Gemini ของ Google
ชั้นที่ 3: Applications (ห้องและเฟอร์นิเจอร์): คือแอปฯ ที่เราใช้กันในชีวิตประจำวันซึ่งมี AI อยู่เบื้องหลัง เช่น แอปฯ แต่งรูปอย่าง Canva หรือฟีเจอร์แปลภาษาต่างๆ
ชั้นที่ 4: Enterprise Adoption (ผู้ใช้งานในตึก): คือการที่ภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น โรงงาน โรงพยาบาล นำ AI ไปปรับใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ
ชั้นที่ 5: Data Set (ข้อมูลที่เป็นเอกลักษณ์): คือข้อมูลเฉพาะทางที่ AI จะเอาไปเรียนรู้ โดยเฉพาะข้อมูลของแต่ละประเทศ เช่น ตำรับยาไทย หรือภูมิปัญญาการเกษตรของบ้านเรา
6. รู้เขารู้เรา: ส่องกลยุทธ์ค่าย AI ยักษ์ใหญ่แต่ละเจ้ากัน
แต่ละค่ายก็มีจุดแข็งและแผนการที่ต่างกันไป มาดูกันคร่าวๆ ครับ
OpenAI (ผู้สร้าง ChatGPT): เก่งเรื่องโมเดลที่ฉลาดล้ำ ๆ และออกแบบให้คนทั่วไปใช้งานได้ง่าย
Google: มีระบบครบวงจรที่สุด ตั้งแต่ชิปยันแอปฯ และมีข้อมูลในมือมหาศาล
Microsoft: เน้นเจาะตลาดองค์กร โดยฝัง AI ผู้ช่วยที่ชื่อว่า "Copilot" ไว้ในโปรแกรมต่างๆ เช่น Word, Excel
Meta (Facebook/IG): โดดเด่นด้วยการเปิดให้คนนำโมเดล AI ไปพัฒนาต่อได้ (Open Source) และมีช่องทางเข้าถึงผู้คนหลายพันล้านคน
XAI (ของ Elon Musk): เน้นความเร็วในการพัฒนาและใช้ข้อมูลแบบเรียลไทม์จากแพลตฟอร์ม X (Twitter เดิม)
7. AI จะกระทบคนไทยอย่างไร? สรุปง่ายๆ มีสองเรื่องครับ คือ "มือ" กับ "สมอง"
✋ "มือ" (ประสิทธิภาพการทำงาน): AI จะเข้ามาเป็นผู้ช่วยให้เราทำงานได้เร็วขึ้น และมากขึ้นอย่างมหาศาล โดยเฉพาะงานเอกสาร งานวิเคราะห์ หรือการเขียนต่างๆ จากเดิมที่เคยเขียนงานได้ 3 ชิ้นต่อวัน อาจจะทำได้ถึง 30 ชิ้น นี่คือการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการทำงานครั้งใหญ่เลยครับ
🧠 "สมอง" (การเข้าถึงความรู้): AI จะเป็นเหมือน "สมองที่สอง" ของเรา ช่วยให้เราเข้าถึงองค์ความรู้จากทั่วโลกได้ทันที เปรียบเสมือนมีผู้เชี่ยวชาญส่วนตัว (ที่รู้เยอะมาก ๆ)คอยให้คำปรึกษาตลอดเวลา
8. แล้วเราต้องปรับตัวอย่างไรในยุค AI?
สิ่งสำคัญที่สุดที่เราทุกคนต้องมีคือ "AI Literacy" หรือ "ทักษะความฉลาดที่รู้เรื่อง AI" เพื่อให้เราสามารถใช้ประโยชน์จากมันได้ และไม่ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ (เช่น Deepfake ที่ปลอมเป็นเราได้)
สำหรับคนทำงาน: เริ่มใช้ AI เป็นเครื่องมือช่วยหาความรู้ ช่วยทำงาน เพื่อยกระดับตัวเองจากพนักงานธรรมดาให้กลายเป็น "ซูเปอร์พนักงาน"
สำหรับองค์กร: ต้องเริ่มคิดว่าจะนำ AI มาปรับใช้กับธุรกิจได้อย่างไร เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน
9. นี่แหละ! สิ่งที่ AI ยังทำแทนเราไม่ได้ (และเป็นแต้มต่อของเรา)
แม้ AI จะเก่งแค่ไหน แต่ก็มี 2 สิ่งสำคัญที่ยังทำแทนมนุษย์ไม่ได้ และเป็นจุดที่เราควรหันมาพัฒนาให้แข็งแกร่งขึ้นครับ
ทักษะด้าน "คน" (Human Skills): การสื่อสาร, การเอาใจเขามาใส่ใจเรา (Empathy), การสร้างความสัมพันธ์, ความเป็นผู้นำ และการเจรจาต่อรอง ทักษะเหล่านี้นับวันก็จะยิ่งทวีความสำคัญมากขึ้นครับ
ความเชี่ยวชาญและข้อมูลเชิงลึก: ความรู้เฉพาะทางที่ไม่ได้อยู่บนอินเทอร์เน็ต เช่น ภูมิปัญญาไทย, สูตรลับเมนูเด็นของครอบครัว, หรือประสบการณ์ตรงในสายงานของคุณ สิ่งเหล่านี้คือ "สมบัติที่มีคุณค่ามาก ๆ " ที่ AI ยังเข้าไม่ถึงและเป็นความได้เปรียบของเรา
10. โจทย์ใหญ่ของ "ประเทศไทย" ในสมรภูมิ AI
ในระดับประเทศ AI คือ "คลื่นเศรษฐกิจลูกใหม่" ที่จะสร้างโอกาสมหาศาล โจทย์สำคัญของผู้กำหนดนโยบายคือ:
ยกระดับอุตสาหกรรมเดิม: นำ AI ไปช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับการเกษตร, การแพทย์, หรือการท่องเที่ยว
สร้างโครงสร้างพื้นฐานของตัวเอง: เช่น Data Center และที่สำคัญที่สุดคือการ "จัดเก็บข้อมูลภูมิปัญญาของชาติ" เช่น ตำรายาโบราณ, วรรณคดี, หรือองค์ความรู้ด้านต่างๆ ของไทย เพื่อสร้างเป็น "คลังปัญญาของชาติ" ให้ AI ของเราเรียนรู้และฉลาดในแบบของไทยเรา (หวังว่านะ)
11. ส่งท้าย: เหนือสมองและสองมือ...คือ "หัวใจ"
สุดท้ายนี้... ไม่ว่า AI จะพัฒนาไปไกลแค่ไหน แกนกลางที่สำคัญที่สุดในการออกแบบอนาคตก็คือ "หัวใจ" ของความเป็นมนุษย์ครับ
AI อาจช่วยเรื่อง "มือ" (ประสิทธิภาพ) และ "สมอง" (ความรู้) ได้ แต่ความรัก, ความห่วงใย, ความไว้ใจ, และความสุข คือสิ่งที่ทำให้เราเป็น "มนุษย์" การกลับมาให้ความสำคัญกับคุณค่าเหล่านี้ คือสิ่งที่จะทำให้เราก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับเทคโนโลยีได้อย่างยั่งยืนและมีความสุขอย่างแท้จริงครับ
และนี่คือ 11 ประเด็นสำคัญที่สรุปมาให้เห็นภาพรวมกันครับ แต่ในคลิปเต็มๆ ยังมีรายละเอียดเชิงลึก ตัวอย่าง และมุมมองที่น่าสนใจจากคุณเคน นครินทร์อีกมากมาย
หากใครอยากฟังแบบจุใจและเข้าใจมากยิ่งขึ้น ผมขอแนะนำให้ลองไปฟังและดูคลิปฉบับเต็มได้ที่ช่อง YouTube: THE SECRET SAUCE นะครับ รับรองว่าจะได้ไอเดียดีๆ ไปปรับใช้กับตัวเองและบริษัทแน่นอนครับ
Comments